วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

+ ความแตกต่างของคนสองคน +

ความแตกต่างของคนสองคน

ในวันนี้ .. ที่ที่ฉันยืนอยู่แตกต่างจากจุดที่เธอยืนอยู่มนุษย์แต่ละคนก็มีความแตกต่างกันเป็นธรรมดาอยู่แล้วทั้งทางกายภาพ สถาพจิตใจ และการเลี้ยงดูฉันไม่อยากบอกว่าเธอแตกต่างจากฉัน เพราะคนเราไม่มีใครเหมือนกันซักคน"ก็ขนาดนิ้วห้านิ้วยังไม่เท่ากัน แล้วจะให้คนเราเหมือนกันได้ยังไง"ในตอนนี้ความรู้สึกของเธอ .. ฉันไม่อาจรู้ได้ เพราะเธอไม่เคยบอกหรือถึงแม้เธอบอก .. ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักฉันรู้ดีในบางวัน ในบางครั้ง .. ฉันก็ทำให้เธอต้องหนักใจฉันรู้ ฉันผิด ฉันขอโทษมนุษย์เรามีสองด้าน .. "ด้านมืดและด้านสว่าง"อยู่ที่ว่าเธอจะเลือกมองด้านไหนด้านมืดมันอยู่กับเราเพียงไม่นานนัก .. เดี๋ยวก็มีความสว่างถ้าเธอเลือกที่จะมองแต่เพียงด้านมืด เธอจะมองไม่ค่อยเห็นอะไรหรอกเธอจะบอกว่าทุกๆอย่างเหมือนๆกันหมด เพราะมันมืด .. เธอจะมองเห็นมันชัดเจนได้อย่างไรเล่าแต่ถ้าหากเธออยู่ในที่ที่สว่างมาตลอดแล้ววันนึงเธอต้องมาพบเจอกับความมืดม่านตาของเธอจะให้เวลาในการปรับตัวเล็กน้อยเธออาจจะมองไม่เห็นอะไรๆไปซักพักแต่พอสายตาของเธอปรับตัวได้ ... เธอจะเริ่มเห็นว่าในความมืดแท้ที่จริงแล้วมันก็มีแสงสว่างอยู่เธอจะค่อยๆมองเห็นอะไรๆชัดเจนขึ้นและฉันก็อยากจะบอกกับเธอว่า"อย่ามองแต่ความมืด"ฉันอยากให้เธอมองในที่สว่างบ้างไม่มีที่ไหนที่จะมืดได้ตลอดเวลา


#################################
การรับรู้และการตีความหมายของเธอแตกต่างจากฉันในบางสิ่งฉันรับรู้ แต่เธอไม่รับรู้ ในบางสิ่ง ฉันเข้าใจ แต่เธอไม่เคยเข้าใจ"เราไม่ได้เหมือนกันทุกอย่างเพราะเราไม่ใช่นิ้วเดียวกัน แต่เราเป็นนิ้วที่อยู่ใกล้ๆ กันต่างหาก"ในบางครั้งฉันผิด ฉันยอมรับในบางครั้ง ฉันไม่รู้ว่าฉันผิดอะไรแต่ฉันก็ยังยอมรับ...ผิดของอีกคน อาจถูกสำหรับอีกคนถูกของอีกคน อาจผิดสำหรับอีกคนแต่ที่ฉันยอมรับว่าผิด...ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดนั่นเป็นเพราะ ... ฉันรักเธอไง


วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

+ นิยามรัก +

นิยามความรัก 24 ข้อ
1.การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน แต่ไม่มี ความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง

2.พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่...ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ท่านประทานมา
3.ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคน แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และ ความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว
4.สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลัง ว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป 5.เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่เปิดไว้รอเรา 6.เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด
7.เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีก เช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา 8.การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคน ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา
9.มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ
10.อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้วถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้
11.ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน
12.การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต
13.อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันจะไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะยิ้มเดียวสามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้
14.มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขามาจากความฝัน เพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น
15.ฝัน ถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป เป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ
16.ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณแข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความ หวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข
17.เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวด จากสิ่งเดียวกันเช่นกัน
18.คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาลเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุขได้ 19.จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่าเขาเป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในพวกเขา
20.คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขา มีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก
21.ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่าของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิตพวกเขา
22.ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา
23.อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดีถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวาง ความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ
24.คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้มในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Valentine's Day **


Valentine's Day or Saint Valentine's Day is a holiday celebrated on February 14 by many people throughout the world. In the West, it is the traditional day on which lovers express their love for each other by sending Valentine's cards, presenting flowers, or offering confectionery. The holiday is named after two among the numerous Early Christian martyrs named Valentine. The day became associated with romantic love in the circle of Geoffrey Chaucer in the High Middle Ages, when the tradition of courtly love flourished.
The day is most closely associated with the mutual exchange of love notes in the form of "valentines". Modern Valentine symbols include the heart-shaped outline, doves, and the figure of the winged Cupid. Since the 19th century, handwritten notes have largely given way to mass-produced greeting cards. The sending of Valentines was a fashion in nineteenth-century Great Britain, and, in 1847, Esther Howland developed a successful business in her Worcester, Massachusetts home with hand-made Valentine cards based on British models. The popularity of Valentine cards in 19th century America was a harbinger of the future commercialization of holidays in the United States.
The U.S. Greeting Card Association estimates that approximately one billion valentines are sent each year worldwide, making the day the second largest card-sending holiday of the year, behind Christmas. The association estimates that, in the US, men spend on average twice as much money as women.